มารู้จักซูชิกัน^^
ซูชิ ในภาษาญี่ปุ่น หรือข้าวปั้นมีหน้า เป็นอาหารญี่ปุ่น ที่เกิดจากข้าวซึ่งมาส่วนผสมของน้ำส้มสายชู แล้วนำมารับประทานกับปลา เนื้อ หรือของคาวอื่นๆ และมีหน้าแบบต่างๆ ที่นิยมได้แก่ อาหารทะเล ไข่ ผัก เห็ด
วิวัฒนาการของซูชินั้น เริ่มมาเมื่อหลายร้อยปีก่อน ซึ่งเป็นความคิดของคนญี่ปุ่นที่ต้องการหาวิธีในการถนอมอาหาร โดยนำปลาดิบที่ล้างจนสะอาดมาหลักกับเกลือและส่วนผสมอื่นๆ จนได้ที่ จากนั้นก็นำมารับประทานพร้อมกับข้าว ซึ่งทำให้หลายคนเข้าใจว่า ซูชิ หมายถึงปลาดิบ อันที่จริงแล้ว ซาซิมิ ต่างหากที่หมายถึงปลาดิบ
ซูชิในอดีต มี 2 แบบ คือ
1. รูปแบบคันไซ (Kansai Style) มาจากจังหวัดโอซาก้า(Osaka) ที่เป็นเมืองสำคัญทางการค้ามาเนิ่นนานแล้ว และมีชื่อเสียง ด้านการค้าข้าวด้วยและปัจจุบันเรารู้จักซูชิแบบนี้กันในชื่อ "โอชิซูชิ"
2. รูปแบบเอโดะ (Edo Style) มาจากโตเกียว ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองเอโดะอันรุ่งเรืองในอดีต และเป็นที่มาของ "นิงิริซูชิ" ที่แพร่หลายไปทั่วโลกเป็นที่รู้จักกันมากที่สุด
และนับตั้งแต่มีการคิดค้นรูปแบบซูชิใหม่ขึ้นมาได้นั้น ซูชิก็กลายเป็นอาหารยอดนิยม ที่นิยมทานกันแพร่หลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ในเมืองไทย ก็เพราะความอร่อย กินง่ายเพราะส่วนใหญ่นั้นซูชิจะถูกปั้นเป็นชิ้น พอดีคำ และอีกอย่างที่เป็นเสน่ห์ของซูชิคือ สามารถเลือกหารับประทานได้ทุกโอกาส และเทศกาลและดีต่อสุขภาพ
ซูชิที่เราคุ้นตากันมีอยู่ 4 แบบ คือ
นิงิริซูชิ (Nigiri Sushi)เป็นซูชิที่พบบ่อยและนิยมมากที่สุด มีลักษณะข้าวเป็นก้อนพอดีคำรูปวงรี แล้ววางเนื้อปลาดิบ ปลาหมึก หรืออื่นๆ ไว้ข้างบน ในบางที่อาจจะใส่วาซาบิไปด้วยเล็กน้อย หรือตกแต่งด้วยสาหร่ายทะเล
มากิซูชิ (Maki
Sushi) มีวิธีทำ 3 แบบ คือ แบบม้วนข้าวไว้ด้านในและมีสาหร่ายทะเลอยู่ด้านนอก แบบม้วนสลับกับแบบแรก โดยมีสาหร่ายอยู่ด้านในส่วนข้าวนั้นอยู่ด้านนอก และแบบสุดท้ายคือห่อเป็นรูปกรวย ที่รู้จักกันในชื่อ แคลิฟอร์เนียเทมากิ
ชิราชิซูชิ (Chirashi Sushi) เป็นการจัดปลาดิบ ปลาหมึก กุ้ง ผัก
หรือส่วนผสมอื่นๆ ที่หั่นเป็นชิ้นเล็ก วางเรียงกันบนข้าวที่ใส่อยู่ในกล่อง
โอชิซูชิ (Oshi
Sushi) หรือรูปแบบคันไซ จากเมืองโอซาก้า
มีวิธีทำคือการนำข้าวมาอัดลงในแม่พิมรูปสี่เหลี่ยมตามยาวหั่นขนาดพอดีให้รับประทานเป็นคำๆ
จากนั้นวางเนื้อปลาไว้ด้านบน
ข้อมูลมาจาก http://www.ocean.co.th/th/knowledge/index.php?GID=7&ID=14
มาทำซูชิกัน....
ที่มา http://www.youtube.com/watch?v=zCi5k4CABOQ
ที่มา http://www.youtube.com/watch?v=9Vy7Ks9R1Ao
ที่มา http://www.youtube.com/watch?v=HHANpCUNosI
ที่มา http://www.youtube.com/watch?v=b1Mn_K1tz-E